Dropship กับ Blog ไม่(น่าจะ)ใช่ Passive Income

ผมตั้งธุรกิจ Dropship เสื้อผ้าขึ้นมาธุรกิจหนึ่ง ชื่อ RocketWearThailand (กดดูเว็บได้ฮะ)

ผมตั้งมันขึ้นมาขำๆ เพื่อที่จะเรียนรู้ว่าจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ Passive Income ที่เสถียรอย่างที่คิด

ผมไปเจอบทความของฝรั่งคนนึงเขียนมา เขาเขียนเล่าขั้นตอนการเปิดร้านของเขาแบบนี้:

  1. จดโดเมน จ้างคนทำเว็บไซต์นึงขึ้นมา
  2. Search หาสินค้าที่มีขายอยู่แล้วใน Internet
  3. Add สินค้าเข้าเว็บตัวเองเลย (ไม่ได้ขออนุญาตด้วยซ้ำ)
  4. ตั้งราคาแพงกว่าเว็บนั้นสองเท่า (ใช่ครับ สองเท่า จริงๆ -_-)
  5. จ้างคนทำ SEO (ทุนหนักมาก เท่าที่ผมอ่านมา)
แล้วพี่แกก็บอกว่า มีรายได้ในระดับ "คืนทุน" เข้ามา ตั้งแต่เดือนแรก ถถถถถ
ผมก็ไม่รู้ว่าแกทำยังไงเหมือนกันนะ แต่ผมทำไม่ได้ว่ะ อาจจะทุนไม่พอมั้ง
พี่แกจ้าง VA มาดูแลร้านด้วย สินค้งสินค้า พี่แกไม่ต้องมารับ Order เอง

โอเค ก็ยินดีกับความสำเร็จของพี่เค้า แต่เท่าที่ผมลองทำเอง ไม่ได้มีทุนหนาอย่างพี่เขา ลองใช้วิธีตามนี้

  1. ทำเว็บเอง (ทำอยู่ทุกวัน กลัวไร)
  2. หา Supplier สินค้าที่รับตัวแทน Dropship เจ้านี้ดีมากครับ บริหารงานเป็นการเป็นงาน พูดเพราะด้วย แม่ค้าใจดี
  3. ใช้ Instagram Hashtag Post Marketing แล้วเปิด Bot ให้มันไป Like ชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจ ถถถถถถ #ZeroDollarMarketing เหี้ยๆ
เปิดไปได้ประมาณ 10 วัน ลูกค้ารายแรกเข้ามา ผมโคตรดีใจอ่ะ เป็นฝรั่งเว้ย แม่งถามหานาฬิกาที่ผมโพสต์ไว้ ยี่ห้อ EYKI Overfly ผมเห็นรูป ผมเองยังชอบ อยากได้เลย แม่งเท่เหี้ยๆ ลอง Google ดูก็ได้

แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฮะ พี่แกบอก .. ยู ขอดูรูปมุมอื่นหน่อยได้ไหม ถ่ายให้ดูหน่อย
ร้านอยู่ไหน? อยากแวะเข้าไปดูของ

ผมนี่ยืนขึ้นเลย ถถถถถ เยดแม่ กูไม่มีร้านครับ

ก็เลยบอกเขาไปตรงๆ บอกว่า โอเค I'll be honest to you. ร้านไอเป็น Dropship นะ ไม่มีสินค้าในสต็อก เลยถ่ายรูปให้ไม่ได้ ขอโทษด้วย แต่ผมสั่งสินค้าให้เลยได้มั้ย? แล้วถ้าไม่ชอบยังไง ส่งสินค้าคืน แล้วผมคืนเงินให้ 100% Hassle Free เยดเข้ !! ใจดีสัส

ปรากฏ... แม่งเอาเว้ย... แม่งบอกโอเค ขอ 1 EA ผมก็ เช้ดเข้ รีบพุ่งไปคุยกับแม่ค้าเลยฮะ แม่ค้าๆ ขออันนี้อันนึง ลูกค้าถามหา

ปรากฏไงรู้ปะ ...แม่ค้าบอก อ๋อ ตัวนี้หมดนานแล้ว ... สหกดเ่สกดเ้หกาด่เฟาหกเฟากเ่้ฟวหสเาฟหก

แห้วแดกสิครัช ถถถถถ


หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนมาสั่งกระเป๋าอีกคนนึง พอไปถามแม่ค้า กระเป๋าก็หมดเหมือนกัน ...

แต่แม่ค้าใจดีนะ ผมเคารพเขามากเลยอ่ะ ใจเย็นชิบหาย คือแม่ค้าอัพเดทสต็อกตลอดใน Line Group แต่ผมไม่ได้ตามเองแหละ ก็รู้สึกอยู่ว่ามันเป็นงานที่หนักเหมือนกันนะ


สรุปคือ ผมได้รู้เพิ่มมาอีกอย่างนึง ว่า Dropship ที่ต้อง Manage Stock หนักๆ แล้วก็ถ้ารับ Order คุยกับลูกค้าเองแบบนี้... แม่งไม่ใช่ Passive Income ว่ะครับ

ถ้าจะไปคุ้ยเอา Model ที่ใกล้เคียง ขายสินค้าของชาวบ้าน ไม่ต้อง Stock เอง ก็คงเป็น Affiliate Marketing แล้วว่ะ ... น่าจะใกล้เคียงเสร็จละ จริงๆ ผมก็อยากทำนะ แต่ผมไม่เชี่ยว SEO ขนาดนั้นว่ะ กลัวแป้ก

ร้าน RocketWearThailand ของผมก็เลยตัดสินใจสลัดทิ้งร้างไปเลยปริยาย ด้วยประการฉะนี้ ครับ เอวัง ...


ส่วน เรื่องการเขียน Blog แล้วแดกค่า AdSense นั้น

มันก็น่าทำเหมือนกันครับ แต่อันนี้ชัดมาก ผมว่าคุณคนอ่านแม่งก็น่าจะพอเดาได้ ...
Blog มันต้องเขียนบ่อยๆ ... อัพบ่อยๆ ถูกปะ? ถ้าเราไม่อัพเลย เผลอไปเที่ยวพัทยา ภูเก็ต สักเดือนสองเดือน กลับมาอีกที UIP หดหายเลยว่ะ ถถถถถ

Blog มันน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบเขียนจริงๆ รู้สึกว่าการเขียน Blgo ตัวเองนั้น "ไม่รู้สึกเหมือนทำงาน" แล้วก็รักมันมากๆ (ถ้าเป็นสายขาวนะ Blog ตั้งแต่เริ่มเขียน จนดัง มี UIP เยอะๆ ใช้เวลาเป็นปีทั้งนั้น) มันต้องเขียนไม่หยุดไม่หย่อนอ่ะครับ กว่าจะดัง

เพราะงั้น Blog ก็ไม่น่าจะเหมาะกับคน ขี้เกียจ ขี้อู้ อย่างผมเหมือนกัน ...


ก็เลยกลับมาที่ การเขียน WordPress Theme เจ๋งๆ แล้วดันแม่งขึ้นไปขายบน ThemeForest ให้ได้
มันน่าจะเป็นทางที่ยากที่สุด แต่ผมคงต้องทำมันว่ะ ... ส่งให้ผ่าน (ThemeForest แม่งคัด Theme เคี่ยวเหี้ยๆ) น่าจะเป็นทางที่เหมาะกับหนุ่มหัวดอไร้งบสำหรับ Marketing อย่างผม ก็ได้แต่ทำสินค้าดีๆ ส่งขึ้น ThemeForest ให้เจ๊แกทำ Marketing ให้ แล้วก็ให้แม่งเก็บ Commission ไปครึ่งนึงแบบขูดเลือดขูดเนื้อ ถถถถถถ สงสัยต้องยอม ทำไรได้ ก็ผมจนเองนี่ ;___;


ใครจะทำอะไรที่เป็น Passive Income ลองเลือกอะไรที่เหมาะกับตัวเองดูครับ ถ้าโดนชวนทำ MLM แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน Active ชอบ Sales ชอบขายของ ชอบเดินทาง ก็เอาดิ อย่าไปอคติกะแม่ง เพื่อนผมรวยมาหลายคนละ

แต่ถ้าอยากจะเป็น "เสือนอนแดก" ... ไม่ทำอะไรเลย แต่อยากรวย ... มันก็พอมีวิธีอยู่นะ แต่แม่งยากว่ะ ผมทำมาหลายอันแล้วว่ะ แม่งไม่ success สักอัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ถถถ ยากนะ ทุกวันนี้ผมเลยยึดแบบ ขาว 20 ดำ 80 ว่ะ ... ขาว 100 แม่งไม่เวิร์คจริง ลองมาเป็นปีแล้ว

ยังไงก็โชคดีก็แล้วกันฮะ ... วันนี้ บาร์น

บทเรียนของพ่อรวย

ผมแว่บกลับมาเล่าในสิ่งที่ผมได้จากหนังสือตามสัญญาครับ

หน้า 26, จากเล่ม Retire Young, Retire Rich

พ่อรวยของผมคือพ่อของเพื่อนที่ดีที่สุดของผม ได้สอนบทเรียนที่แตกต่างออกไปในเรื่องเงินแก่ผม พ่อรวยมักจะถามและพูดในสิ่งต่างๆ อย่างเช่น

  1. "คุณใช้เวลานานเท่าไรที่จะเก็บเงินให้ได้ 1 ล้านเหรียญ" แล้วพ่อก็จะถามอีกว่า "แล้วคุณใช้เวลาแค่ไหนที่จะกู้เงิน 1 ล้านเหรียญ"
  2. "ในระยะยาว ใครกันที่จะรวยขึ้น คนที่ทำงานทั้งชีวิตเพื่อพยายามออมเงินให้ได้สักล้านหนึ่งยังงั้นเหรอ หรือว่าคนที่รู้วิธีที่จะกู้เงิน 1 ล้านในอัตราดดอกเบี้ย 10% ต่อปี และยังรู้อีกว่าจะเอาเงินนี้ไปลงทุนอย่างไรเพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมา 25% ต่อปี"
  3. ใครกันที่ธนาคารอยากให้กู้เงิน คนที่ทำงานหนักเพื่อแลกกับเงินงั้นหรือ? หรือคนที่รู้วิธีในการกู้เงินและใช้เงินเพื่อให้มันทำงานหนักแทนเขา
  4. คุณต้องเป็นคนแบบไหนแล้วต้องรู้อะไรบ้าง ที่จะโทรไปหาธนาคารแล้วพูดว่า "ผมอยากจะกู้เงินสักล้านเหรียญครับ" แล้วพนักงานธนาคารจะตอบกลับมาว่า "ผมพร้อมให้คุณเซ็นวัญญากู้เงินในอีก 20 นาทีนี้เลยครับ"
  5. ทำไมรัฐบาลจึงเก็บภาษีจากการออม แต่เว้นภาษีให้กับการก่อหนี้
  6. ใครกันที่ต้องมีความฉลาดทางการเงินที่มากกว่าและมีความรู้ทางการเงินที่ดีกว่า คนที่มีเงินออมหนึ่งล้านเหรียญ หรือว่าคนที่มีหนี้อยู่ 1 ล้านเหรียญ
  7. ใครกันที่มีความฉลาดทางการเงินมากกว่า คนที่ทำงานหนักเพื่อแลกกับเงิน กับคนที่ให้เงินทำงานหนักแทนเขา
  8. หากว่าคุณเลือกวิธีศึกษาเองได้ คุณจะเลือกที่จะไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ที่จะทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินมา หรือว่าเลือกไปเรียนเพื่อได้รู้ถึงวิธีการที่จะมีเงินเพื่อให้มันทำงานหนักแทนคุณ
  9. ทำไมธนาคารถึงยินดีที่จะให้คุณกู้เงินเพื่อไปเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ยอมให้คุณกู้เพื่อไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น
  10. ทำไมคนที่ทำงานหนักที่สุดและมีเงินออมถึงจ่ายภาษีมากกว่าคนที่ทำงานน้อยกว่าและมีหนี้สินมากกว่า
เอากับเขาสิครับ อ่านแล้วก็คิดทุกที
เจอกันคราวหน้าครับ

พลังทวี (leverage)

ผมโตมาในยุคที่ทุก Product ของ Apple ผลักดันให้คำว่า Minimalism เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยการออกแบบของพวกเขา

รวมถึงเป็นยุคที่ลัทธิ Zen ถูกพูดถึงมากที่สุด

จึงถือเป็นโชคดีของผมได้เกิดมาแล้วได้ยินคำว่า ทำน้อย-ได้มาก อยู่บ่อยๆ

ครั้งแรกที่ผมได้ยินคำนี้ก็สะดุ้งถึงความหมายของคำที่สื่อถึงความฉลาด และความไม่ยึดติดในการทำงาน ใน process ซ้ำซากเดิมๆ (หรือ process ที่คนอื่นวางมาไว้ให้ แล้วเราก็ไม่คิดจะจับผิด process นั้นบ้าง ว่ามีวิธีที่ดีกว่านั้นไหม)


ทันทีที่ผมซื้อหนังสือใหม่มาวันนี้ เป็นหนึ่งในหนังสือขายดีในซีรี่ส์เล่มม่วง Rich Dad ครับ
หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า Retire Young, Retire Rich

ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆ คน อาจจะมีแล้ว แต่ผมก็เพิ่งซื้อเล่มนี้ หลังจากที่อ่านซีรี่ส์เล่มม่วงนี้มาได้สองเล่มแล้ว

แค่คำนำของหนังสือก็คว้าจิตใต้สำนึกผมไปชั่ววูบ
เขาบอกว่า ...

ผู้นำคนนั้น ...

"Con­trary to popu­lar belief, there are no rules for revolutionaries…just as there are no lea­ders who don’t con­ti­nually strive to earn a posi­tion of lea­dership."

-- Hugh MacLeod

From the last paragraph of this his blog post: http://gapingvoid.com/2012/03/28/it-takes-courage/

ธรรมะ = ธรรมดา = ธรรมชาติ

ธรรมะ = ธรรมดา = ธรรมชาติ คำเดียวกัน

แค่มีสติ ตื่นรู้ และเข้าใจโลก เข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ แค่นี้ก็เป็นคนมีธรรมะแล้วป่าวว
ะ? ไม่ต้องเป็นถึงอุลตร้าแมนหรอก

ส่วน อธรรม ก็ไม่ได้แปลว่า ก็อตซิลล่า แต่ก็แปลว่า การปฏิเสธรรมชาติ การเดินหันหลังหนีออกจากสิ่งธรรมดา การไม่ทำใจให้ยอมรับในสิ่งธรรมด

ธรรมะไม่ชนะอธรรมหรอก เพราะธรรมะไม่มีเหี้ยอะไรจะต้องทำกับอธรรม ...คำว่าอธรรมน่ะ แม่งไม่เคยมีอยู่จริง

คนที่ทำความเลวจนคนรอบข้างเกลียด ไม่เชื่อใจ ไม่ยอมรับ แบบนี้ไม่ใช่อธรรม แต่นี่แหละ ธรรมะชัดๆเลย เพราะคนที่มองไม่เห็นคนอื่น คนอื่นแม่งก็จะมองไม่เห็นเขาด้วยเช่นกัน อยู่แล้ว
... "ธรรมดา" จะตาย

ผมไม่ได้พูดเรื่องซีเรียสนะ ผมพูดเรื่องธรรมดาๆ อยู่ :)